ขายเมาส์ ขายคีย์บอร์ด ขายหูฟัง ขายเกมส์มิ่งเกียร์ (ติดต่อ Line ID: pairach.aud)

This is default featured slide 1 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

This is default featured slide 2 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

This is default featured slide 3 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

This is default featured slide 4 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

This is default featured slide 5 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

วันอังคารที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2560

เจาะเทรนด์ 5 อาชีพใหม่ในโลกออนไลน์ “ลุยเองได้” ตอนที่ 1

เจาะเทรนด์ 5 อาชีพใหม่ในโลกออนไลน์ “ลุยเองได้” ตอนที่ 1


“ไม่ทำงานก็อดกิน” คงไม่ต้องบรรยายให้มากความสำหรับคำนี้ แต่รู้ไหมว่า นอกเหนือจากอาชีพที่เรากำลังทำอยู่หรือรู้จักแล้ว ยังมีอาชีพอีกประเภทหนึ่งที่สามารถทำเองคนเดียวที่บ้านได้ โดยไม่ต้องมีเวลาว่าง 3 ชั่วโมง ไม่ต้องนั่งคีย์ข้อมูลง่าย ๆ หรือคุยงานประชาสัมพันธ์ (คุ้น ๆ เนอะ) แต่คุณอาจต้องใช้เวลาเทียบเท่ากับเวลาทำงานจริง! เหนื่อยจริง! มีรายได้จริง! และสนุก! แถมยังช่วยให้เรามีผลงานติดตัวอีกด้วย นั่นคือ “5 อาชีพในโลกออนไลน์” อาทิ นักเขียนคอนเทนต์ นักรีวิว นักแคสเกม ติวเตอร์ออนไลน์ และช่างภาพสต็อก ซึ่งมีจุดเด่นตรงที่ “ลุยคนเดียวได้” นั่นเอง แต่จะมีอาชีพไหนบางล่ะที่เหมาะกับเรา Cover Story ฉบับนี้จึงขอเจาะลึก 5 อาชีพดังกล่าวนี้ เพื่อเป็นแนวทางใหม่ของคนในยุค Gen C ให้ทราบถึงวิธีการทำงาน แนวทาง และวิธีเป็นหนึ่งในอาชีพออนไลน์เหล่านี้กันครับ
ธุรกิจออนไลน์ต่างกับอาชีพออนไลน์อย่างไร
ก่อนจะไปรู้จักกับ 5 อาชีพออนไลน์ดังกล่าว ขอให้ทราบกันก่อนว่า ในอาชีพออนไลน์ที่จะพูดถึงนี้ ถือเป็นงานสำหรับทำคนเดียว เนื่องจากผมมองว่า “ธุรกิจก็คือกิจการ” หมายความว่า ต้องมีผู้ร่วมเป็นหุ้นส่วนตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป ถึงจะเรียกว่าธุรกิจ ทั้งในโลกออนไลน์และไม่ออนไลน์ก็เช่นกัน อย่างเปิดเว็บขายของออนไลน์ หรือเปิดเว็บบริการรับจ้างต่าง ๆ พวกนี้ส่วนมากคือธุรกิจ เพราะถือเป็นงานที่ต้องมีคนช่วย ไม่งั้นลำบาก (อาจมีคนลุยเดี่ยวก็จริง แต่ค่อนข้างน้อย) หากเป็นอาชีพออนไลน์ จะหมายถึง “การขายความสามารถส่วนบุคคล” ที่เราสามารถทำรายได้เป็นของตัวเองได้ โดยลุยคนเดียว เหนื่อยคนเดียว ไม่มีใครอื่น แบบนี้ถึงจะเรียกว่าอาชีพออนไลน์ หรือจะเรียกว่า “ฟรีแลนซ์” ก็ไม่ผิดนัก
ทำเป็นงานหลักหรืองานเสริมดีสำหรับอาชีพออนไลน์
ถึงจะบอกข้างต้นไปว่าอาจต้องใช้เวลาเทียบเท่าทำงานจริง (บางทีอาจมากกว่าด้วย) แต่นั่นก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเราว่าจะเลือกให้เป็นอาชีพหลักหรือเสริม คืออาชีพออนไลน์เป็นเหมือนงานฟรีแลนซ์ชนิดหนึ่ง ที่มีอิสระเหมือน ๆ กันตรงที่สามารถกำหนดเวลาทำงานด้วยตัวเองได้ อย่างหากเราเลือกใช้เวลาทำน้อย ๆ เพื่อเป็นงานเสริม เราก็อาจจะได้ผลตอบแทนน้อยกว่าคนที่เลือกทำเป็นงานหลัก ที่เขาทุ่มเวลาให้นาน ๆ เรียกได้ว่า ถ้าใครไม่ฟลุกหรือเก่งจริง ก็ยากที่จะประสบความสำเร็จเท่ากับคนที่ทำเป็นอาชีพหลัก ดังนั้นขึ้นอยู่กับตัวเราแล้วครับว่าจะบริหารเวลายังไง และพัฒนาความสามารถตัวเองยังไง ให้เลือกได้ว่าเราเหมาะที่จะทำเป็นอาชีพเสริมหรือหลักกันแน่

อาชีพ 1 : นักเขียนยุคดิจิทัล Content Writer

ในยุคที่ข่าวสารในโลกอินเทอร์เน็ตเผยแพร่ไวยิ่งกว่าไฟลามทุ่ง ณ ปัจจุบัน จึงก่อให้เกิดอีกหนึ่งอาชีพสายข่าวและอาชีพนักเขียนรวมกัน จนกลายเป็น Content Writer ผู้นำเสนอข้อมูลใหม่ ๆ ผ่านเว็บไซต์นั่นเอง สำหรับอาชีพนี้ผมขอบอกเลยว่าเป็นอาชีพที่ชิลที่สุดแล้ว เพราะเราสามารถนั่งทำงานโดยแบกโน้ตบุ๊กไปตากแอร์เย็น ๆ ที่ร้านกาแฟหรือที่สาธารณะตามห้างได้ ดีกว่านั้นก็นั่งทำที่บ้านไปเลย แต่มีข้อแม้เพียงอย่างเดียวว่า “เราต้องรักงานเขียน”
Content Writer คือผู้นำเสนอเนื้อหาความรู้หรือผู้เขียนข่าวลงเว็บไซต์ในโลกออนไลน์ แต่ถ้าไปไล่ถามคนที่ทำอาชีพนี้จริง ๆ เราอาจได้รับคำตอบคนละอย่าง สาเหตุก็เพราะ “นักเขียน Content มีความเชี่ยวชาญต่างกัน” บางคนมีความรู้เรื่องแพทย์ ก็ชอบเขียนเรื่องแพทย์ บางคนชอบกฎหมายก็เขียนเรื่องกฎหมายได้ดี บางคนคลุกคลีกับวงการไอทีบ่อย ๆ ก็เขียนเรื่องไอทีได้ละเอียดกว่าคนทั่วไป ดังนั้นคำตอบที่ได้อาจเป็นไปตามลักษณะต่าง ๆ นี้เอง แต่สำหรับความหมายจริง ๆ แล้ว Content Writer คือผู้เรียบเรียงข้อมูลจากหลาย ๆ ที่รวมกัน แล้วนำมาเขียนใหม่ให้มีความน่าสนใจยิ่งขึ้นและอ่านง่ายขึ้นในเว็บไซต์ ตามความถนัดของผู้เขียนและกลุ่มผู้อ่านที่เป็นเป้าหมาย
อยากเป็นต้องทำยังไง และมีแนวทางอย่างไร 
อันดับแรกเลย ถามตัวเองก่อนว่า “ชอบงานเขียนไหม?” เพราะถ้ายิ่งชอบ ก็ยิ่งทำให้ Content ที่เขียนออกมามีความถูกต้องและคุณภาพสูงขึ้น ส่วนเรื่องความเชี่ยวชาญ เรามีความชอบอะไรก็ให้ตามหรืออ่านเรื่องนั้นบ่อย ๆ เดี๋ยวมันก็มาเองครับ ต่อไปจะเป็นกฎเหล็ก 5 ข้อที่ผู้เขียน Content ต้องมี ได้แก่
  • อ่านเยอะ ๆ เพื่อให้ Content ของเรามีความสดใหม่และมีเนื้อหาที่ถูกต้อง จึงควรหมั่นอัพเดตข้อมูลใหม่ ๆ อยู่เสมอ
  • ออกแบบเป็น เราไม่ใช่นักเขียนอย่างเดียว แต่เป็นนักออกแบบด้วย คือต้องรู้จักเรียบเรียงเนื้อหา รู้จักใช้ Font และรู้จักการใส่รูปประกอบเพื่อให้น่าอ่านมากขึ้น สุดท้ายคือ สามารถสรุปวิเคราะห์ข้อมูลในแบบของเราได้ ทั้งนี้ก็เพื่อทำให้ Content ของเรามีความเป็นเอกลักษณ์นั่นเอง จะได้มีคนจดจำได้ จากนั้นอะไรดี ๆ (รายได้) จะตามมาภายหลัง
  • ภาษาไทยต้องแน่น เป็นนักเขียนทั้งที หากพลาดภาษาไทยนี่คือจบไม่สวยแน่ แต่ถ้าได้ภาษาอังกฤษด้วยจะยิ่งดีขึ้น 3 เท่า
  • มีความรู้เรื่อง SEO เวลาเราสงสัยอะไร ให้ถามอากู๋ (Google) ดังนั้น ถ้าอยากให้ Content ของเราอยู่ในหน้าแรก ๆ ของ Google ที่มีเปอร์เซ็นต์คนคลิกอ่านสูง อย่าลืมไปศึกษาเรื่องนี้ด้วย
  • ไม่เขียนข้อมูลเท็จ จรรยาบรรณเดียวกันกับนักข่าวที่ดีครับ ถ้าเราเขียนข้อมูลเท็จและมีคนจับได้ อนาคตแทบดับวูบเลยนะเออ
สำหรับใครที่อยากเป็น Content Writer อันดับแรกให้เขียนบทความยาวสักเรื่องก่อน เพื่อทดสอบทักษะการเขียนของเรา จากนั้นลองหาที่เผยแพร่ออนไลน์เพื่อดู Feedback จากผู้อ่าน อาจจะเป็นเว็บ Blog ของตัวเอง ในเว็บบอร์ดที่สิงอยู่ ไม่ก็ไปเสนอให้เว็บไซต์ที่รับเผยแพร่ Content ตามแนวของเรา หรือใช้ Facebook ของเรานี้แหละโพสต์มันซะเลย
“ไม่ว่าคุณเขียน Content เอาไว้ในไหน หากคุณเขียนดี ยังไงก็มีคนอ่าน” แชมป์ ทีปกร วุฒิพิทยามงคล ผู้ร่วมก่อตั้ง The Matter
รายได้มาจากไหน
ตัวอย่างเว็บเผยแพร่ Content สังกัดใหญ่
นักเขียน Content บางคน อาจมีสังกัดแตกต่างกันด้วย อย่างพวกที่ทำเป็นอาชีพหลักจะมีบริษัทหรือหน่วยงานเป็นสังกัดใหญ่ ๆ จ้างวานให้เป็นนักเขียนประจำ พวกนี้จะได้เปรียบคือ มีเงินเดือนประจำให้โดยเฉพาะ ส่วนพวกที่ทำเป็นอาชีพเสริม ที่เขียนลงในเว็บไซต์หรือเว็บ Blog ส่วนตัว หากเขียนดีก็จะมี “Sponsor” (ผู้สนับสนุน) มาให้ค่าขนมด้วยการขอลงโฆษณาของทางเว็บไซต์หรือเว็บ Blog ของเรา หรือบางครั้งอาจได้รับการจ้างวานให้เขียน Content ลงสังกัดใหญ่เป็นครั้งคราว
Share:

How to : ปุ่ม Reaction สีรุ้ง บน Facebook คืออะไร และวิธีกดทำไง

How to : ปุ่ม Reaction สีรุ้ง บน Facebook คืออะไร และวิธีกดทำไง


ปุ่ม Pride” มาจากเพจของทาง Facebook เองที่ชื่อ “LGBTQ@Facebook” เป็นเพจสนับสนุนความหลากหลายทางเพศ โดยเฮีย Mark ก็เปิดกว้างในเรื่องนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว มีการรณรงค์มาพอควร (จำสมัยรูปโปรไฟล์สีรุ้งได้ไหมเอย) ส่วนคำว่า LGBT ก็ย่อมาจาก Lesbian , Gay , Bisexual และ Transgender หรือ Transsexual ที่แปลว่าคนข้ามเพศ และสีรุ่งก็เป็นสัญลักษณ์ของความหลากหลายทางเพศนั้นเอง
“อนึ่งการกดปุ่มนี้ ไม่ได้หมายถึงเราเป็น LGBT นะ แต่หมายถึงเราให้การยอมรับพวกเขาต่างหาก” 
วิธีกด Reaction สีรุ้ง บน Facebook 
 

ส่วนวิธีกดปุ่มนี้ก็ง่าย ๆ เลย เพียงแค่เราไปกด Like แฟนเพจที่ชื่อ “LGBTQ@Facebook” ก็สามารถกดปุ่ม Pride” นี้ได้แล้ว โดยจะกดได้ทั้งสมาร์ทโฟนหรือในคอมฯ ก็ได้ครับ
Share:

2 นัก “ลบ” ผู้ยิ่งใหญ่ ทำคอมให้เร็ว ลื่น

2 นัก “ลบ” ผู้ยิ่งใหญ่ ทำคอมให้เร็ว ลื่น

เชื่อว่าทุกคนที่ใช้คอมพิวเตอร์ต่างก็อยากให้คอมคู่ใจเรานั้นทำงานได้ลื่นเร็ว ซึ่งนอกจากการเลือกใช้เครื่องที่มีสเปกดี ๆ แล้ว การลบไฟล์ขยะที่เก็บไว้มากมาย ก็ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยให้เครื่องเรานั้นทำงานได้ลื่นและเร็วขึ้น ครั้งนี้จะพาเพื่อน ๆ ไปรู้จักกับ 2 นักลบผู้เกรียงไกร ทำคอมให้เร็ว ลื่นยิ่งขึ้น

นักรบไม้ที่ 1 : ลบไฟล์ที่เห็นตัวเป็น ๆ ช่วยให้เร็วขึ้น 5%

ว่ากันว่าไฟล์ที่เราเซฟไว้ในเครื่อง หากมีเวลาลองนั่งดูและจัดระเบียบให้เป็นกลุ่ม ไฟล์ไหนที่ไม่ได้ใช้ก็ลบทิ้งเสียบ้าง การลบไฟล์ขยะเหล่านี้ออกไป ทำคอมให้เร็ว ลื่นขึ้น 10% ซึ่งวิธีการลบแบบง่ายก็คือ คลิกที่ไฟล์หรือโฟล์เดอร์ที่ไม่ใช้แล้ว จากนั้นกดปุ่ม Delete หรือถ้าต้องการลบแบบที่กู้ไม่ได้จาก Recycle Bin ก็ให้กด Shit + Delete

นักรบไม้ที่ 2 : ล้างไฟล์ชั่วคราวเก่าเก็บที่แอบซ่อนอยู่ ช่วยให้เร็วขึ้นอีก 10%

ไฟล์ชั่วคราวหรือที่เราเรียกทางเทคนิคว่า Cache Files คือไฟล์ที่วินโดวส์ใช้เก็บข้อมูลชั่วคราว ซึ่งมักจะเป็นไฟล์ที่ดาวน์โหลดเพื่อใช้ติดตั้งโปรแกรม หรือเป็นไฟล์ที่วินโดวส์เก็บไว้ “เผื่อ” เรียกใช้ในอนาคต (ซึ่งก็ไม่รู้เมื่อไรเหมือนกัน) บางเครื่องมีไฟล์เหล่านี้ตกค้างอยู่จำนวนมหาศาลตั้งแต่ 1GB ไปจนถึง 10 GB ขึ้นไป ลองนึกดูแค่ลบไฟล์พวกนี้ออกไป เครื่องก็จะเบาตัวปลิวเลยทีเดียว
สำหรับวิธีการล้างไฟล์ชั่วคราว สามารถทำเองได้แบบง่าย ๆ ผ่าน Disk Cleanup ซึ่งมีมาให้ใช้งานตั้งแต่สมัยเป็นวินโดวส์เอ็กซ์พีแล้ว จนถึงปัจจุบันก็ยังมีให้เรียกใช้บริการได้ โดยวิธีการเข้านั้นง่าย ๆ ก็เพียงไปที่หน้า My Computer แล้วคลิกขวาที่ Windows (C:) หรือไดรฟ์ที่ลงวินโดวส์ของเรา จากนั้นเลือก Properties คลิกเลือกที่ Disk Cleanup ที่ปุ่มข้าง ๆ กราฟวงกลมแสดงสถานะของ HDD
จากนั้นรอสักพักให้ระบบทำการตรวจสอบข้อมูล เมื่อเสร็จจะแสดงผลข้อมูลแคชไฟล์ต่าง ๆ ของระบบ ไม่ว่าจะเป็น Error Logs ไฟล์ หรือพวกไฟล์ System ที่มีปัญหา รวมไปถึงไฟล์ชั่วคราว ซึ่งเจ้านี่คือ 1 ในปัญหาใหญ่ที่ทำให้ฮาร์ดดิสก์ของเราเต็ม ให้เราทำการติ๊กเลือกสิ่งที่เราต้องการล้างมันออกไป เสร็จแล้วให้คลิก Clean up system files รอสัก 5-30 นาที ระบบก็จะทำการล้าง Cache Files ให้ทันที



Share:

[BITCOIN] อะไรคือ “ดิฟ” ดิฟเพิ่มกำไรลด เรื่องง่าย ๆ ที่สายขุดต้องรู้

[BITCOIN] อะไรคือ “ดิฟ” ดิฟเพิ่มกำไรลด เรื่องง่าย ๆ ที่สายขุดต้องรู้

ณ เวลานี้หลาย ๆ คนคงทราบดีถึงเรื่องราวของ Bitcoin ที่กำลังเป็นกระแสมาแรง ชนิดที่ว่าทำให้การ์ดจอสำหรับเล่นหมดเกลี้ยงตลาดจนหาของแทบไม่ได้ได้ ซึ่งประเด็นหลักที่หลาย ๆ คนทราบดีเกี่ยวกับ Bitcoin คือ การคืนทุนที่รวดเร็วหลังจากนั้นก็เป็นกำไรระยะยาว อีกทั้งยังทำง่าย ๆ เพียงแค่เปิดเครื่องขุดทิ้งไว้เฉย ๆ
แต่มือใหม่หลายคนหารู้ไม่ การแห่กันขุดในลักษณะนี้ทำให้เกิดผลกระที่ตามมา ก็คือค่าดิฟพุ่งสูงในระยะเวลาอันรวดเร็ว แล้วค่าดิฟคืออะไร แล้วส่งผลกระทบอะไรกับผู้ที่ทำเหมือง Bitcoin บ้าง
ดิฟ หรือ Diff แท้จริงแล้วมันมาจากคำว่า Difficult ที่แปลว่ายาก ค่าความยากนี้ถูกออกแบบมาเพื่อป้องกันไม่ให้เหรียญถูกขุดง่ายจนเกิน ซึ่งค่า Diff จะเพิ่มขึ้นตามกำลังการขุดโดยรวมที่สูงขึ้น เปรียบเสมือนกับเหมืองทองที่มีคนขุดหลาย ๆ คน ย่อมได้ทองน้อยกว่าเหมืองที่ขุดโดยคน ๆ เดียว เพราะทองถูกหารแบ่งออกไปตามจำนวนคนที่ขุด ยิ่งมีคนขุดมาก ทองที่แต่ละคนได้จะลดน้อยลง
จากเหตการณ์ที่ชาวเหมือง Ethereum จำนวนมากต่างแยกย้ายกันไปขุดเหรียญอื่น เนื่องจากค่าดิฟที่สูงขึ้น ลองมาวิเคราะห์จากกราฟแสดงค่า Difficult Rate จากเว็บไซต์ coinwarz ในช่วง 1 เดือน ที่ผ่านมา จากวันที่ 26 พฤษภาคม 2017 ถึงวันที่ 26 มิถุนายน 2017 จะสังเกตุได้ว่ารูปแบบของกราฟนั้นจะเป็นแบบพุ่งทะยานขึ้นสูงมาก ๆ
โดยค่าดิฟในวันที่ 26/05/2017 อยู่ที่ 458 แล้วมาดูค่าดิฟในวันที่ 26/6/2017 จะอยู่ที่ 906 ซึ่งค่า Diff ได้พุ่งสูงเกินกว่าเท่าตัวในเวลาแค่เดือนเดียว ทำให้เหรียญขุดได้ยากขึ้น รวมถึงการปรับ Algorithm ใหม่ทำให้คนแห่กันเทขาย ส่งผลให้ราคาเหรียญ Ethereum ดิ่งลงจาก เกือบแตะ 15,000 บาท เหลือเพียง 10,000 บาท เท่านั้น และยังคงดิ่งลงเรื่อย ๆ ไม่มีท่าว่าจะหยุด
สำหรับมือเก่าและมือใหม่ช่วงนี้จะตัดสินใจทำอะไรควรคิดให้ดี ๆ เพราะ Cryptocurrency ในตลาดโลกกำลังผันผวนอย่างหนัก อีกทั้งหลาย ๆ เหรียญยังมีราคาดิ่งลงอย่างน่าตกใจจนเริ่มมีกระแสปลุกปั่น เทขาย เหมืองแตก กันอยู่เรื่อย ๆ ก็ทำให้บางคนถึงกับแตกตื่น ซึ่งไม่มีอะไรที่แน่นอน ณ เวลานี้หากจะเลือกขุดต่อถือรอวันขึ้น หรือเปลี่ยนเหรียญหนีตายก็แล้วแต่จะเลือก ทุกการลงทุนย่อมมีความเสี่ยง จะทำอะไรควร คิด วิเคระห์ แยกแยะ ให้ดี ๆ
from:https://notebookspec.com/what-is-the-dfficult-rate/405479/
Share:

APPLE ปล่อยซอฟต์แวร์ IOS 11 DEVELOPER BETA 2 UPDATE 1 สำหรับอุปกรณ์ IOS ในบางรุ่น

Apple ปล่อย iOS 11 (ไอโอเอส 11) Beta 2 ให้นักพัฒนาได้ทดสอบ

หลังจาก Apple ปล่อย iOS 11 Beta 2 ออกมาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ก็พบว่ามีอุปกรณ์ iOS บางรุ่น ไม่สามารถรับการอัพเดทได้ผ่านทางระบบ over-the-air แต่ล่าสุดมีรายงานว่า Apple ได้แก้ไขปัญหาโดยปล่อยซอฟต์แวร์อัพเดทที่มีชื่อว่า iOS 11 Developer beta 2 Update 1 ออกมา สำหรับอุปกรณ์ที่มีปัญหาไม่ได้รับการอัพเดท iOS 11 Beta 2 อย่างเช่น iPhone 6 ดังนั้น อุปกรณ์ที่ได้รับ iOS 11 Beta 2 จะไม่ได้รับ iOS 11 Developer beta 2 Update 1
อย่างไรก็ตาม iOS 11 Developer beta 2 Update 1 กับ iOS 11 Beta 2 ไม่ได้มีความแตกต่างกันในด้านคุณสมบัติ แต่ในเวอร์ชั่นล่าสุดมีหมายเลขเวอร์ชั่น Build ที่สูงกว่า จาก 15A5304i เป็น 15A5304j และดูเหมือนจะออกมาเพื่อแก้ไขปัญหาล่วงหน้าก่อนที่จะปล่อยเวอร์ชั่น Public Beta ออกมา
สำหรับใครที่ต้องการดาวน์เกรดจาก iOS 11 Beta กลับไปเป็น iOS 10 สามารถอ่านคำแนะนำจาก Apple ได้ที่นี่ (ภาษาไทย)

Share:

SVOA ร่วมมือเป็นพันธมิตรกับ ZOTAC กราฟฟิกการ์ดสำหรับเกมเมอร์ รุกหนักตลาดเกมมิ่งไทยในครึ่งปีหลัง ผลักดันช่องทางการจัดจำหน่ายตลาดในประเทศ คาดดันรายได้กลุ่มสินค้าเกมปี 60 ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง

SVOA ร่วมมือเป็นพันธมิตรกับ ZOTAC กราฟฟิกการ์ดสำหรับเกมเมอร์ รุกหนักตลาดเกมมิ่งไทยในครึ่งปีหลัง ผลักดันช่องทางการจัดจำหน่ายตลาดในประเทศ คาดดันรายได้กลุ่มสินค้าเกมปี 60 ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง



          คุณฐิตกร อุษยาพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสวีโอเอ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารจาก  SVOA  กล่าว “ด้วยศักยภาพและความพร้อมในการดำเนินธุรกิจช่องทางการจัดจำหน่าย (IT Distribution) สินค้าไอทีชั้นนำ บริษัทฯ มีกลุ่มเป้าหมายหลัก คือ บริษัทหรือร้านค้าตัวแทนจำหน่ายที่ต้องการสินค้าคุณภาพ รวมถึงการให้บริการหลังการขายที่ได้มาตรฐาน เพื่อนำไปจำหน่ายต่อ ให้กับผู้ใช้งานทั่วไป”
ทาง SVOA ได้เล็งเห็นถึงโอกาสของช่องทางการจัดจำหน่าย จึงได้ร่วมงานกับทาง ZOTAC เพื่อต้องการเสริมและเติมเต็มสายผลิตภัณฑ์ตลาดอุปกรณ์เกมที่เติบโตอย่างต่อเนื่องในครึ่งปีหลังของปี 2560  และด้วยความโดดเด่นในเรื่องคุณภาพของตัวสินค้า เทคโนโลยีของสินค้า ร่วมถึงประสิทธิภาพคุ้มค่าของสินค้าจากทาง ZOTAC ที่หลากหลาย ครอบคลุม ตอบโจทย์ให้กับร้านค้าตัวแทนจำหน่าย สามารถเพิ่มยอดขายให้กับร้านค้าอย่างต่อเนื่อง  ทาง SVOA และ ZOTAC จะเน้นรุกหนักทางด้านการทำการตลาดเพื่อสร้างการรับรู้ที่มากขึ้นทั้ง Offline และ Online  รวมถึงการจัดโปรโมชั่นให้กับร้านค้าตัวแทนจำหน่ายและผู้บริโภค เพื่อเป็นการกระตุ้นยอดขายและสร้างสีสันทางการตลาดเพื่อเข้าถึงกลุ่มเกมเมอร์มากยิ่งขึ้น รวมถึงให้ความสำคัญกับงานบริการหลังการขายที่ทาง SVOA จะเป็นผู้รับบริการสินค้าทั้งหมดของร้านค้าตัวแทนจำหน่ายทั้งในกรุงเทพ และต่างจังหวัดผ่านทางช่องทางสาขาของ SVOA ตัวแทนจำหน่ายและ Drop point ของไอทีซิตี้ 200 กว่าจุดทั่วประเทศ'
สำหรับสินค้าที่ทาง SVOA ได้เป็นตัวแทนจัดจำหน่ายจะเป็นสินค้ากราฟฟิกการ์ดของ Zotac อย่างครบไลน์สินค้ากราฟฟิกการ์ด รวมไปถึงรุ่น 1030 น้องใหม่ล่าสุดอีกด้วย ในเรื่องของการรับประกันนั้น สินค้า ZOTAC ยังให้เกมเมอร์ได้จุใจกับประกันถึง 5 ปีตามเงื่อนไข* โดยเป็นการประกันปกติ 3 ปีและลูกค้ายังสามารถลงทะเบียนเพื่อขอรับประกันเพิ่มได้อีกถึง 2 ปี รายละเอียดสามารถอ่านได้ที่ www.svoa.co.th
Mr. Alex Yeung Zotac Senior Sales Manager ซึ่ง Zotac นั้นอยู่ในกลุ่มของบริษัท PC Partners ที่มีประสบการณ์ในฐานะผู้ผลิต OEM / OEM ในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงมากกว่า 20 ปี  ซึ่งเป็นผู้ผลิตการ์ดจอภายใต้แบรนด์ Zotac เปิดเผยว่า ทางบริษัทฯ เองเป็น NVIDIA Authorized Board Partner ทั่วโลกที่มีโรงงานผลิตเป็นของตนเอง ซึ่งจะได้เปรียบด้านการควบคุมการผลิต ร่วมถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ตอบสนองความต้องการของตลาด ไม่ว่าจะเป็น  SSDs และ Iot  มีส่วนแบ่งตลาดการขายกว่า 70 ประเทศทั่วโลก ZOTAC เป็นแบรนด์กราฟิกการ์ดที่เติบโตอย่างรวดเร็วในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไม่ว่าจะเป็นตลาดในประเทศเกาหลี ญี่ปุ่น สิงคโปร์ อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ โดยมียอดขายโตขึ้นถึง 62% ในปี 2016 เทียบปี 2015  สำหรับในประเทศไทยนั้นมีอัตราการขยายตัวมีมากถึง 200% จากปี 2016 ที่ผ่านมาซึ่งทางบริษัทฯ ได้เล็งเห็นว่าประเทศไทยยังมีศักยภาพในการเติบโตอีกมากเช่นกัน
ทาง Zotac มั่นใจว่าในการร่วมมือเป็นพันธมิตรกับบริษัท เอสวีโอเอ จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้จัดจำหน่ายสินค้าแบรนด์ ZOTAC รายใหม่ในครั้งนี้จะทำให้ครึ่งปีหลังของปี 2560 ร่วมไปถึงปี 2561 จะมียอดขายแบบก้าวกระโดด ครอบคลุมตลาดในประเทศไทย ทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด โดยเจาะกลุ่มตลาดสินค้าโดยตรงสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการเล่นเกม  รวมถึงตลาด E-Sports ซึ่งจะเป็นการกลับมาของเดสก์ทอป DIY ในประเทศไทย ด้วยความมุ่งมั่นในการพัฒนาสินค้าที่แตกต่างอย่างต่อเนื่องของโซแทคและพร้อมที่จะทำการตลาดเพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับแบรนด์อย่างเต็มที่ร่วมกับบริษัท เอสวีโอเอ จำกัด (มหาชน)
พบสินค้ากราฟฟิกการ์ด Zotac โดย SVOA ได้แล้วตามร้านสินค้าไอทีชั้นนำทั่วประเทศ 
สอบถามเรื่องการรับประกันในวันและเวลาทำการได้ที่ 02-462-5822
*หมายเหตุ การรับประกัน 3 ปี + ลงทะเบียน 2 ปีนี้สำหรับการใช้งานปกติ สินค้าที่นำไปใช้กับการคริปโตเคอเรนซี (เช่น บิทคอย) ไม่สามารถเข้าร่วมได้
Share:

หมดเวลาสนุกแล้ว ? GTA5 ไล่ปิดพร้อมขู่ฟ้องนักพัฒนา Mod ของตัวเกมส์ แม้กระทั่งในโหมด Single Player

หมดเวลาสนุกแล้ว ? GTA5 ไล่ปิดพร้อมขู่ฟ้องนักพัฒนา Mod ของตัวเกมส์ แม้กระทั่งในโหมด Single Player


              ครที่กำลังเล่นเกมส์ Grand Theft Auto V หรือว่า GTA5 อยู่ น่าจะทราบถึงเรื่องนี้เป็นอย่างดีแล้ว แต่สำหรับใครที่เคยเล่นหรือว่ากำลังจะกลับไปเล่น วันนี้แอดมินมีข่าวมาบอกครับ .. จากเกมส์ตระกูล Grand Theft Auto ที่ทุกคนรู้ดีกว่าเป็นเกมส์ที่สนุกมากๆเกมส์นึง ด้วยตัวเกมส์เองที่เปิดโอกาสให้ผู้เ่ล่นทำอะไรได้หลากหลายบน Open World และเสน่ห์ของตัวเกมส์อีกอย่างก็คือการ Mod ที่มี Community ของตัวเองกันเลยทีเดียว ประมาณว่าต่อให้เกมส์นั้นเก่าแค่ไหน ก็จะยังใหม่เสมอเพราะมีสังคมออนไลน์ที่เกี่ยวกับการปรับแต่งเกมส์ GTA ให้เป็นนู่นนี่แบบไร้ขีดจำกัด .. ใครนึกไม่ออกให้ลองมองภาค San Andreas ตอนนี้ครับ ยังมีคนเล่นอยู่ เพราะว่า Mod นั้นหลุดโลกจนแทบเปลี่ยนเป็นอีกเกมส์ เรียกง่ายๆว่ามันเป็นเกมส์อมตะอีกหนึ่งเกมส์ก็ว่าได้
GTA5 ที่เป็นเกมส์ภาคล่าสุด ก่อนหน้านี้ช่วงเปิดตัวใหม่ก็ได้กระแสตอบรับค่อนข้างดี ด้วยระบบตัวเกมส์ที่ทำออกมาได้อย่างลงตัวทั้งโหมด Single Player เล่นเนื้อเรื่อง หรือแม้กระทั่งโหมด Online เอง ที่ถึงแม้ว่าตอนนี้จะมีผู้เล่นน้อยลงไปบ้างแล้ว (ก็เกมส์มันเปิดตัวมาหลายปีแล้วหนิ) แต่ Community สำหรับ Modder ก็ยังคงทำให้ตัวเกมส์นั้นใหม่อยู่เสมอ / ข่าวนี้เองก็ถือเป็นข่าวใหญ่ครับ เพราะว่า Take Two ผู้จัดจำหน่ายเกมส์ GTA5 นั้นได้ออกมาบอกว่าการ Modding ตัวเกมส์นั้น "ผิดกฏหมาย" และไม่กี่วันก่อนหน้านี้ Take Two เองก็ได้เขียนจดหมายอารมณ์ประมาณขู่ฟ้องทางผู้พัฒนา OpenIV ซึ่งเป็น Mod ที่มีการใช้อย่างแพร่หลายที่สุด .. ผลกระทบก็น่าจะพอเดากันได้ โดยเหล่า Gamer ที่ใช้ OpenIV อยู่นั้นก็ยอมไม่ได้ ต่างร่วมกันประท้วงด้วยการกด Negative Feedback ให้กับเกมส์ GTA5 ใน Steam จนขณะนี้คะแนนด้านลบเด้งขึ้นไปที่ 82% แล้ว จากที่ตอนแรกคะแนนบวกเกือบเต็ม
และนั่นก็ไม่ใช่จุดจบของเรื่องนี้ เพราะว่าเช้าเมื่อวานทาง Take Two ก็ได้ส่ง Cease and Desist letter หรือว่าจดหมายสั่งให้หยุดการกระทำ (อารมณ์ประมาณขู่ฟ้อง) เพิ่มเติมไปยัง ForceHax ที่เป็น Platform สำหรับการ Modding ตัวเกมส์อีกที่นึงที่ใหญ่มาก .. แต่ตรงนี้อาจจะดูดีหน่อย เพราะว่ากลุ่มนี้แหละครับ ที่ปั้มเงินกันในโหมด Online และป่วนคนใน Server ด้วยวิธีพิเรนหลายๆวิธี ทำให้ตัวเกมส์เสียสมดุลและทำให้คนเลิกเล่นไปหลายคนเลยทีเดียว .. ใครเคยเล่นก็น่าจะเข้าใจนะครับ อยู่ดีๆโดนเสกเงินเข้าตัว หรือขับรถอยู่ดีๆ รถระเบิดเพราะโดนคนใช้โปรแกรมโกงใส่มันเซ็งแค่ไหน / ตรงนี้แอดมินเองก็มองว่าเป็นอีกวิธีการแก้ปัญหานึงจากทางผู้จัดจำหน่าย เพราะตั้งแต่ตัวเกมส์โหมด Online เปิดตัวมา ก็ยังไม่มี Anti-Cheat อันไหนที่แก้ปัญหาเรื่องการโกงได้เลย จนถึงทุกวันนี้ก็ยังมีอยู่ .. การส่งจดหมายสั่งให้ระงับแบบนี้อาจจะเป็นทางออกที่ดีจริงๆก็ได้ 
เพื่อนๆคิดว่ายังไงครับ ถ้า GTA5 จะไม่สามารถ Mod ได้อีกต่อไป ? คิดว่าสมควรแล้วเพราะว่า Online ป่วนเหลือเกิน หรือว่าไม่เหมาะสมเพราะว่า Single Player นั้นผู้เล่นควรจะมีสิทธิ Mod ได้เต็มที่ ? ตรงนี้เองจะให้แยก Mod เฉพาะ Single Player ก็คงยากอยู่ครับ เพราะว่าตัวเกมส์มันก็รันบน Client เดียวกัน จะให้เลือกอย่างใดอย่างนึงคงไม่ได้
ที่มา Overclockzone
Share:

มาแล้ว! รายละเอียดข้อมูลการ์ด NVIDIA Gen ถัดจาก Pascal อย่าง Volta

มาแล้ว! รายละเอียดข้อมูลการ์ด NVIDIA Gen ถัดจาก Pascal อย่าง Volta

ก็เป็นประจำทุกปีเลยครับที่ NVIDIA President และ CEO อย่างนาย Jen-Hsun จะต้องมีการมาขึ้นเวทีพูดถึงสถาปัตยกรรมการ์ดจอใหม่ที่จะเป็นตัวกำหนดเทรนด์และประสิทธิภาพของอุปกรณ์หน่วยประมวลผลกราฟฟิคของ NVIDIA ในอนาคต และให้ข้อมูลว่าขณะนี้บริษัทกำลังทำอะไรอยู่ .. ซึ่งปีที่แล้วก็มีการพูดถึง NVIDIA Pascal แบบเดียวกันอย่างนี้ ซึ่งปีนี้ก็ถึงคิวของสถาปัตยกรรม Volta ที่จะมาเป็นรุ่นสืบทอดของ Pascal ที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันอย่างแพร่หลาย .. และนอกจากนั้นแล้วตามธรรมเนียมก็ต้องมีการเปิด Roadmap ให้ดูเหมือนเช่นทุกครั้ง ทำให้เราได้ทราบว่าการ์ด Gen ต่อไปจาก Volta อีกนั้นจะมีชื่อเรียกว่าอะไร
มารวบยอดกันถึงกลุ่มตลาด Gamer กันก่อนเลยดีกว่าครับ เพราะว่าแน่นอนที่ผู้อ่านส่วนใหญ่นั้นจะต้องมองถึงการ์ดระดับ Consumer Market หรือการ์ดที่เอาไว้เล่นเกมส์มากกว่าการ์ดประมวลผลของ Supercomputer กันอยู่แล้ว .. ข้อมูลแรกตรงนี้เลยก็คือ NVIDIA Volta นั้นจะมีการเข้ามาอยู่ในชื่อ GeForce GTX อย่างที่หลายๆคนรู้จักกันภายในปีหน้านี้ แต่ว่าจะมีการ์ดสำหรับ Enterprise อย่าง Tesla มาให้เห็นกันในปีนี้อย่างแน่นอน ซึ่งการ์ดที่เรากำลังพูดถึงนี่ก็คือ Tesla V100 อารมณ์เดียวกับที่ NVIDIA เปิดตัว Tesla P100 มาเป็นอันดับแรกตอนปีที่แล้ว ก่อนที่จะเปิดตัวการ์ด NVIDIA GeForce GTX สถาปัตยกรรม Pascal 
ขบวนการผลิตนั้นก็จะต้องมีการลดขนาดลงไปอีกตามยุคสมัย ซึ่งคราวนี้ก็จะยังคงใช้ FinFET เช่นเดิม เพียงแค่ว่าจะไม่ใช่ 16nm เหมือน Pascal แล้ว แต่ว่าน่าจะเป็นการใช้ขบวนการผลิตของ TSMC FinFET ขนาด 12nm แทน / ตามปกติเหมือน Gen ที่ผ่านมาการ์ดที่เปิดตัวถัดมาจากการเปลี่ยนขบวนการผลิตครั้งใหญ่นั้นจะมาเหมือนการ Refresh มากกว่า อย่างเช่นการ์ด Maxwell Gen 2 ตอนยุค NVIDIA 900 Series .. แต่คราวนี้ Volta นั้นก็จะมาเป็นสถาปัตยกรรมใหม่ทั้งดุ้นเลย ไม่ได้เอา Pascal มา Refresh แต่อย่างใด เพียงแค่จุดประสงค์นั้นจะยังเป็นจุดประสงค์เดิมตอนเปิดตัวของ Pascal อย่างการผลักดันประสิทธิภาพให้สูงที่สุดในขณะที่การบริโภคพลังงานนั้นต่ำที่สุด เช่นเดิม (ก็ดีแล้วหนิ) 
ทางด้าน Memory สำหรับ Tesla V100 ที่เปิดตัวมารุ่นแรกก็มีการระบุว่าจะใช้แบบ HBM2 บน Interface 4096-bit ขนาด 16GB สามารถทำ Bandwidth สูงสุดได้ที่ 900GB/s .. และตรงนี้ก็ทำให้มีความเป็นไปได้ว่าการ์ดจอตระกูล GeForce GTX นั้นจะใช้ Memory ประเภทเดียวกันด้วย .. สุดท้ายแล้วเราลองมาดูตารางเปรียบเทียบรายละเอียดการ์ด Gen นี้กับ Gen ที่แล้วของทั้งฝั่ง NVIDIA และคู่แข่งกันดีกว่าครับ
ขอบคุณแหล่งที่มา : https://www.overclockzone.com
Tags : #nvidia
Share:

มีหลุด ! โชว์ประสิทธิภาพ CPU Intel สถาปัตยกรรม Coffee Lake มากับ 6 Core สำหรับตลาด Mainstream

มีหลุด ! โชว์ประสิทธิภาพ CPU Intel สถาปัตยกรรม Coffee Lake มากับ 6 Core สำหรับตลาด Mainstream


จากที่ AMD เองได้มีการเปิดตัว CPU สถาปัตยกรรมใหม่หลังจากที่ไม่ได้เปิดตัวมานานจน Intel กินตลาดระดับบนไปซะเกือบหมดแล้ว และน่าจะทราบกันดีว่าข้อดีของ AMD Ryzen ที่เพิ่งเปิดตัวไปนั้นคือจำนวนของ Core และ Thread ที่เยอะเมื่อเทียบกับราคา บวกกับที่ Intel เองก็ไม่ได้มีการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดข้าม Generation มาซักพักนึงแล้วเหมือนกัน โดยได้ทำการละทิ้งแผนการเปิดตัวแบบ Tick-Tock หรือว่าย่อขนาดขบวนการผลิตทุกๆสองปีไปก่อนหน้านี้ .. ตอนนี้ก็เหมือนจะถึงเวลาแล้วที่ Intel นั้นจะต้องก้าวขึ้นมาและเปิดตัวสถาปัตยกรรทใหม่ที่มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่บ้างในตลาดระดับ Mainstream หรือว่าตลาดระดับกลาง (หลังจากที่ตลาดระดับบนได้เปิดตัว LGA2066 ไปในช่วง Computex)  เจ้าสถาปัตยกรรมใหม่ที่เราจะพูดถึงกันนี้ก็คือ Intel Coffee Lake ว่ากันว่ารุ่น Core i7 ของสถาปัตยกรรมนี้นั้นจะมากับ Core หรือแกนประมวลผลทั้งหมด 6 แกน และเรื่องประสิทธิภาพก็ได้มีหลุดออกมาแล้วด้วย ! .. จาก Benchmark ชื่อดังอย่าง Geekbench ที่มักจะมีอะไรหลุดออกมาก่อนเปิดตัวให้เห็นกันอยู่เรื่อยเลย / สำหรับ Geekbench เองก็จะเป็นโปรแกรม Benchmark ที่สามารถวัดประสิทธิภาพของ System ได้โดยเฉพาะ CPU และในโปรแกรมนี้ก็จะมี Database หรือว่าฐานข้อมูลของ CPU รุ่นต่างๆอยู่ทั้งฝั่ง Intel และ AMD หรือว่า CPU สำหรับอุปกรณ์ Mobile ก็มีด้วยเช่นกันนะ ทางด้านข้อมูลที่โผล่ออกมาก็แจ้งว่า Intel รุ่น Core i7 สถาปัตยกรรม Coffee Lake นั้นก็จะมีจำนวน 6 Core และ 12 Thread ตามเทคโนโลยี Hyper-Threading มาพร้อมกับ L2 Cache ขนาด 1.5MB และ L3 Cache ขนาด 12MB ส่วนทางด้านความเร็วหรือว่า Clock Speed (Frequency) ก็จะอยู่ที่ 3.19GHz แต่เราก็ยังไม่ทราบได้ว่าตัวเลข 3.19GHz นี่จะมี Boost Speed เพิ่มเติมขึ้นไปได้ถึงเท่าไหร่ เพราะว่า CPU ตัวที่มีข้อมูลหลุดออกมานี้เป็น Engineering Sample ครับ (ก็แหงหล่ะ) 
นอกจากนั้นแล้ว Socket ที่เขียนไว้ก็จะเป็น LGA1151 เหมือนกับที่ Intel ใช้มาก่อนหน้านี้ 2 Generations แล้ว ทั้ง Intel-100 Series และ Intel 200-Series และก็น่าจะเป็นไปได้อีกว่า Motherboard ทั้งสอง Series ที่ได้กล่าวมาจะรองรับการใช้งานของ Intel Coffee Lake สถาปัตยกรรมใหม่นี้ ส่วนจะมี Intel 300-Series เปิดตัวมาเมื่อไหร่นั้นก็ต้องลองดูอีกที ซึ่งก็คาดว่าจะมีแน่ ตาม Generation ของ CPU เลยครับ รายละเอียดตรงนี้ก็ไม่มีอะไรเพิ่มเติมนะ .. ถึงส่วนนี้ไม่รู้ว่ามีความเห็นยังไงกันบ้างนะครับ จะถือว่ามันเป็นเรื่องดีที่ทาง Intel ไม่ละทิ้งผู้ใช้งาน Gen เก่า ให้ใช้บอร์ด Socket เดิมไปเรื่อยๆได้ หรือว่าจะมองว่า Intel ไม่ยอมพัฒนาซะที อันนี้ก็แล้วแต่คนจะคิดนะครับ น่าจะต้องดูการใช้งานจริงหลังเปิดตัวมาด้วยแล้วค่อยตัดสินจะดีกว่า ข้อมูลที่หลุดนี่ก็หลุดมาจาก MSI ทีเ่ป็นผู้ผลิต Mainboard เลยครับ เว็ปต่างประเทศก็แซวว่าสงสัย MSI เผลอไปต่อเน็ตทิ้งไว้ตอนสั่ง Benchmark แน่เลย ถึงได้มีข้อมูลหลุดมาบนเน็ตแบบนี้ / คะแนนที่ออกมานั้นก็จะเห็นว่า Coffee Lake รุ่น 6-Core นั้นอยู่ที่ 4619 คะแนน สำหรับ Single Core และ 20828 คะแนนในแบบ Multi Core ... ถ้าเราเปรียบเทียบกับคู่แข่งอย่าง AMD Ryzen 5 1600X ก็จะเห็นว่าคะแนนของฝั่ง AMD นั้นอยู่ที่ 4574 สำหรับ Single Core และ 20769 สำหรับ Multi Core .. คะแนนตรงนี้ก็ยังต่างกันไม่มากรับ และทางฝั่ง AMD นั้นก็มี Clock Speed สูงกว่าด้วย
งานนี้ก็ต้องรอดูของจริงหล่ะครับ ว่าเปิดตัวมาแล้วว่า Intel นั้นจะมี Clock Speed เท่าไหร่ และประสิทธิภาพจะกระโดดเพิ่มขึ้นได้อีกไกลไหม ณ เวลานี้ ถ้าคะแนนที่หลุดออกมาแบบนี้เป็นจริงหล่ะก็ อาจจะยังไม่น่าประทับใจเท่าไหร่เลย
ขอขอบคุณแหล่งที่มา: https://www.overclockzone.com
Tags : #intelcore #i7coffee #lakecpuprocessor #ข่าวไอที


Share:

วันจันทร์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2560

Windows 7/8.1 จะไม่อัพเดทถ้าใช้ชิปรุ่นล่าสุดทั้งฝั่ง AMD และ Intel

Windows 7/8.1 จะไม่อัพเดทถ้าใช้ชิปรุ่นล่าสุดทั้งฝั่ง AMD และ Intel

Windows 7 และ Windows 8.1 นั้นไม่รองรับหน่วยประมวลผลรุ่นใหม่ๆ อย่าง Kaby Lake และ AMD Zen ตามที่เป็นข่าวมาก่อนหน้านี้ แต่ที่ยิ่งกว่านั้นคือทาง Microsoft ได้ตั้งให้ระบบปฏิบัติการเหล่านี้ไม่ติดตั้งอัพเดท ถ้าหากใช้ชิปเหล่านี้อยู่
ถ้าใครติดตั้ง Windows 7 หรือ 8.1 ลงบนเครื่องที่เป็น AMD Zen / Intel Kaby Lake จะขึ้นหน้าจอ Unsupported Hardware ขึ้นมา และไม่สามารถทำการอัพเดท Windows ได้
ในข้อความเขียนเอาไว้ว่า "คอมพิวเตอร์ของคุณใช้หน่วยประมวลผลรุ่นที่ออกแบบมาเพื่อ Windows รุ่นล่าสุด เนื่องจากหน่วยประมวลผลนี้ไม่ได้ออกแบบเพื่อทำงานกับ Windows ที่ใช้อยู่ คุณจะอัพเดทไม่ได้และไม่ได้แพทช์ด้านความปลอดภัย"
สำหรับข้อความนี้จะขึ้นมาบนหน้าจอ Windows เมื่อผู้ใช้งานใช้หน่วยประมวลผลกลุ่มต่อไปนี้
  • Intel 7th-generation Kaby Lake
  • AMD Ryzen
  • AMD Bristol Ridge
  • Qualcomm Snapdragon 8996
สำหรับ Intel 6th Gen อย่าง Skylake เองก็มีแผนจะถูกปลดระวางจาก Windows 7 และ 8.1 ในอนาคตอันใกล้นี้ด้วยเช่นกัน เพื่อผลักให้ไปใช้งาน Windows 10 เท่านั้น
ที่มา : https://www.overclockzone.com

Share:

Asus Vivostick คอมจิ๋วที่ใช้งานเหมือน PC เล่นเน็ตพิมพ์งานสบายๆ พร้อม Windows 10 แท้ เริ่มต้น 5,890 บาท

Asus Vivostick คอมจิ๋วที่ใช้งานเหมือน PC เล่นเน็ตพิมพ์งานสบายๆ พร้อม Windows 10 แท้ เริ่มต้น 5,890 บาท

สำหรับใครที่ต้องการเลือกใช้ PC ขนาดเล็กแบบพกพาขนาดที่พอๆ กับแฟลชไดร์ขนาดใหญ่ น่าจะเคยเห็นเจ้า Stick PC กันบ้าง ซึ่งในปัจจุบันมีออกมามาหลายยี่ห้อด้วยกันทั้ง Intel และ Asus ซึ่งในบทความนี้เราจะมารีวิวเจ้าตัว Asus Vivostick PC (TS10) โดยเจ้าตัวนี้มีราคาอยู่ที่ 5,500 บาท มาดูกันดีกว่าครับว่าเจ้า Stick PC จะสามารถทำอะไรได้บ้าง

ข้อมูลสเปคเบื้องต้น

  • CPU : Intel Atom x5-Z8350
  • Ram : 2 GB LPDDR3 at 1600MHz
  • Harddisk : eMMC 32 GB
  • Port : 1 x Micro USB (For Power Only)
    1 x USB 3.0
    1 x USB 2.0
    1 x Audio Jack(s) (Mic/Headphone Combo
  • Network : 802.11 a/b/g/n/ac, Bluetooth V4.1
  • OS : Windows 10 Home

การใช้งาน

การใช้งาน Asus VivoStick ก็ง่ายๆ ครับ เพียงนำเจ้าเครื่องนี้ไปเสียบกับพอร์ต HDMI ของโทรทัศน์หรือหน้าจอมิเตอร์ก็สามารถใช้งานได้เทียบจะทันที โดยต้องเสียบสายไฟเข้าที่พอร์ท Micro USB ด้วยอารมณ์เหมือนกับเสียบชาร์จมือถือนั่นเอง ซึ่งในกล่องจะแถมมาให้เสร็จสรรพ และจำเป็นต้องใช้อแดปเตอร์ที่ให้มาด้วย เพราะ อแดกเตอร์ตัวนี้จะจ่ายไฟแรงกว่าอแดปเตอร์โทรศัพท์มือถือปกตินั่นเอง
โดยเจ้าตัว Asus VivoStick สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์เสริม เช่น เมาส์และคีย์บอร์ดไวเลสได้ผ่านช่อง USB ในรูปจะใช้ผลิตภัณฑ์ของ rapoo ที่เป็นเมาส์กับคีย์บอร์ดแบบคอมโบใน USB อันเดียว ถือว่าใช้งานได้สะดวกมากเลยทีเดียวครับ หรือรับสัญญาณอินเทอร์เน็ตได้ผ่าน WiFi เหมือนคอมพิวเตอร์ปกติ ซึ่งภายในของ VivoStick นั้น รันระบบปฏิบัติการ Windows 10 แบบโน้ตบุ๊คปกติทั่วไปเลย
การใช้งานหลักๆ ต้องบอกว่าพอใช้ได้สำหรับการใช้งานเบาๆ เท่านั้น เช่น เล่นเน็ต พิมพ์งาน หรือดูวิดีโอความละเอียดไม่เกิน Full HD เพราะ ถ้าเราเปิดเว็บหลายพร้อมกัน หรือเล่นเกม คงต้องบอกเลยครับว่าไม่ไหว กระตุก อืด แน่นอนเพราะสเปคเจ้า Asus VivoStick ก็ไม่ได้สูงอะไรแถมมี Ram มาแค่ 2 GB เท่านั้น

ส่วนหากใครที่คิดหากจะใช้งานเป็นเวลานานก็ไม่ต้องกังวลไป เพราะเจ้า Asus VivoStick มีพัดลมระบายความร้อนในตัว หมดห่วงเรื่องความร้อนไปได้เลย แถมเจ้าตัวนี้ยังพกพาได้ง่ายกะทัดรัด และมีน้ำหนักอยู่เพียง 75 กรัมเท่านั้นเองครับ

โปรโมชั่นสุดพิเศษในงานคอมมาร์ค มิ.ย. นี้สำหรับ Asus Zenscreen และ Vivostick มีให้เลือก 2 แบบ คือ

  1. ซื้อ Vivostick รับฟรี คีย์บอร์ด เม้าส์ ไร้สาย rapoo ในราคา 5,990 บาท
  2. ซื้อ Vivostick + จอ Zenscreen รับฟรี คีย์บอร์ด เม้าส์ ไร้สาย rapoo ราคาพิเศษ 14,990 จากปกติ 17,990 บาท 
สรุป
สำหรับเจ้า Asus VivoStick นั้นเหมาะสำหรับคนที่ต้องการใช้งานคอมพิวเตอร์จริงๆ ที่สามารถกพกพาไปไหนมาไหนได้ และใช้งานเบาๆ เป็นหลักเท่านั้น เช่น พรีเซนต์งานกับทีวี หรือทำงานเอกสาร เล่นเน็ตดูคลิปวิดีโอ(ความละเอียดไม่เกิน Full HD) เป็นต้น โดยเจ้าเครื่องนี้ไม่สามารถทำงานหนักๆ หรือเอามาเล่นเกมส์ได้



เนื่องด้วย Ram และพื้นที่ภายในที่มีมาให้จำกัดนั่นเอง ซึ่งถ้ามองจากราคาแล้วถือว่าไม่แพงเลย เพราะได้ Windows 10 Home แท้มาด้วย ถ้าหักค่า Windows ไปแล้ว เจ้าเครื่องนี้ก็คงราคาไม่กี่พันบาทเองครับ

ข้อดี

  • ให้ Windows 10 แท้ติดมากับเครื่องเหมือนคอมพิวเตอร์ปกติ สามารถลงโปรแกรมทั่วไปเลยไม่ยุ่งยาก
  • ขนาดเล็ก น้ำหนักเบา พกพาไปไหนมาไหนสะดวก
  • มีพัดลมระบายความร้อนในตัวสามารถใช้งานนานๆ หลายชั่วโมงได้อย่างไม่มีปัญหา

ข้อสังเกต

  • ไม่สามารถเพิ่มหน่วยความจำได้
  • ให้ Ram มา 2 GB ค่อนข้างน้อยไปหน่อย

ขอขอบคุณแหล่งที่มา: https://notebookspec.com
Tags :# ASUS #vivostick
Share:

วันเสาร์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2560

ยืนยันตามนั้น Intel Core-X Series ‘Skylake-X’ และ ‘Kaby Lake-X’ CPU สามารถ Overclocking ได้ไกลแต่ต้องการระบายความร้อนที่ดี

ยืนยันตามนั้น Intel Core-X Series ‘Skylake-X’ และ ‘Kaby Lake-X’ CPU สามารถ Overclocking ได้ไกลแต่ต้องการระบายความร้อนที่ดี

การทำ Overclocking บน Intel Core-X series ที่ประกอบไปด้วย Skylake-X และ Kaby Lake-X นั้นทาง Videocardz ได้ออกมาให้รายละเอียดเอาไว้ว่า. ข้อมูลสำหรับตัว processors ที่กำลังจะออกมามีศักยภาพในการทำ overclock สูงแต่ต้องการระบบทำความเย็นที่ดีเยี่ยมเพื่อรักษาอุณภูมิไม่ให้แตกแถว.

Intel Core-X ‘Skylake-X’ และ ‘Kaby Lake-X’ เยี่ยมในด้าน OC แต่ Liquid Cooling Solutions ต้องดีเยี่ยม

ตระกูล Intel Core-X ซึ่งจะประกอบไปด้วย Skylake-X และ Kaby Lake-X จะเปิดตัวออกมาภายในอาทิตย์ที่จะถึงนี้. ซึ่งมันจะประกอบไปด้วย 4, 6, 8, 10 cores ส่วน 12, 14, 16 และ 18 core จะมาเพิ่มภายหลังในไตรมาสที่สาม 2017. เมื่อวาน, เราได้เห็นการทำรีวิวแรกเกี่ยวกับ Intel Skylake-X Core i9-7900X processor และวันนี้, มีรายละเอียดออกมาให้ดูเพิ่มเติม.
Videocardz สามารถนำเอาข้อมูลออกมาได้อย่างเป็นทางการจากผู้ทำรีวิว ในรายละเอียดไม่ใช่เพียงแค่ศักยภาพของการทำ overclockability เท่านั้นสำหรับชิปที่กำลังจะมาแต่ยังได้กล่าวถึงข้อดีระหว่างระบบทำความเย็นต่างๆที่จะมีผลต่ออุณภูมิอีกด้วย. ภาพชาร์ตด้านล่างแสดงถึง Core i7-7740X และ Core i9-7900X, สำหรับบาร์สีเขียวจะเป็นระบบทำความเย็นด้วยอากาศ/air cooling, แดงเป็น Cooler Master Liquid 240/น้ำ ส่วนสีฟ้าเป็น Corsair H110.

ทาง Intel ออกมาแนะนำสำหรับกลุ่ม overclockers หรือแม้กระทั่งมือสมัครเล่นว่าควรจะนำเอาระบบทำความเย็นแบบ AIO liquid cooling solutions/ทำความเย็นด้วยน้ำแบบสำเร็จรูปมาใช้เพื่อรักษาอุณภูมิซึ่งจะให้ผลที่ดีกว่า ระบบอากาศ/air coolers. และสำหรับใครที่ไปไกลถึงระบบทำความเย็นด้วยน้ำแบบ custom loop liquid cooling solutions จะยิ่งได้ผลที่ดียิ่งขึ้นไปอีก.
ในชาร์ต, เราเห็นทั้งสองชิปแสดงอุณภูมิอยู่ที่ 60s ถึง 70s (กลางๆ) ในบททดสอบทางด้านประสิทธิภาพ และกระโดดไปถึง 90C บน air cooling solution และ 80C บน high-end liquid cooling solutions/น้ำในโหมดการใช้งานที่นาน. ชิปทั้งสองถูกทดสอบที่ความเร็ว stock frequencies/ที่กำหนดมาจากโรงงาน หากเป็นแบบ overclocking แน่นอนจะมีผลกระทบที่มากกว่านี้เหตุเพราะมีการปรับแรงดันไฟและจะนำไปสู่อุณภูมิที่จะต้องสูงกว่านี้. แต่ก็มีข่าวดีหากมีการทำ overclocking รูปแบบ custom voltages.

Intel Core i7-7740X รุ่นวางตลาดสามารถแตะ 5 GHz ได้ง่ายๆเพียงแค่ 1.205V – น่าจะเป็นข่าวดีสำหรับการทำสถิติใหม่ๆ

ทาง Intel ยังออกมากล่าวเสริมอีกว่าศักยภาพของ Core i7-7740X (Kaby Lake-X) ในการทำ overclocks ได้ดีขนาดไหน. จากการสุ่มตัวอย่างจาก 100 CPUs, 75% ของจำนวนชิปสามารถอัด overclock ไปถึง 5 GHz เพียงแค่ค่าดันไฟ 1.205V. ส่วนชิปที่เหลืออีก 24% อาจจะต้องกระตุ้นแรงหน่อยที่ 1.341V ก็หมายความว่า ดวงดีได้ดวงไม่ดีก็เหนื่อยหน่อยหากต้องการเล่น. สำหรับชิปดีที่ปรับแรงดันไฟเพียงนิดหน่อย (~1.255V) ไม่แน่อาจจะทำ overclocks ได้สูงขึ้นไปแตะ 5.1 และ 5.2 GHz ซึ่งถือว่าเยี่ยมและแน่นอนยังต้องการระบบทำความเย็นด้วยน้ำที่ดีเยี่ยมเช่นกัน.
ล่าสุด, เรามีข้อมูลเกี่ยวกับ Intel Core i7-7740X versus Core i7-7700K และ Core i9-7900X versus Core i7-6950X มาเปรียบเทียบกันให้ดู (ยังไม่ปรับแต่ง).  Kaby Lake-X chip จากการดูแล้วประสิทธิภาพที่เพิ่มดูเหมือนจะมีข้อจำกัด, Core i9-7900X เอาชนะ Core i7-6950X ได้แบบถล่มทลายโดยเฉพาะราคาที่ทำออกมาถูกลงถึง $700 US. ผลทดสอบ Intel Core i9-7900X และ Core i7-7740X แบบ Stock :
สำหรับผู้ผลิตเมนบอร์ดฝั่ง Intel ก็กำลังง่วนอยู่กับการโมสินค้าของตนเอง และไม่แน่หากสิ่งที่จะมาเสริมนั้นมันเข้าขากันดี อาจจะได้เห็นประสิทธิภาพที่ดีมากกว่าที่เห็นนี้ก็เป็นได้
ขอขอบคุณแหล่งที่มา : https://www.extremepc.in.th
Share:

Blog Archive

Total Pageviews

Facebook FANPAGE